27 สิงหาคม 2556

ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ กับ สามช่วงของความรัก

 

 พอดีผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ไปเจอหนังสือ "ฝนกล้วยให้เป็นเข็ม" ของ นิ้วกลม ถูกใจเลยเอามากฝากครับผม

     ความทุกข์ที่เกิดขึ้นเมื่อเรารู้สึกดีๆ กับใครคนนั้นไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความอยากได้เขาคนนั้นมาอยู่ใกล้ๆ เหมือนอยากได้กระเป๋า รองเท้าสวยๆ ที่ถูกใจเป็นแค่ "ความอยากได้" ไม่ใช่ "ความรัก"

     ความรักนั้นไม่จำเป็นต้องได้คนนั้นมาเป็นของเรา ไม่ต้องมีเขามาอยู่ข้างกายความรักเกิดขึ้นจากการทำความรู้จักจนเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น

     หาก "กระบวนการรัก" แบบนี้เกิดขึ้นจนครบวงจร รับรองว่าไม่มีความทุกข์
     ความทุกข์เกิดขึ้นทุกทีเมื่อแต่ละคนเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง แต่ความรักนั้นต่างไป ความรักคือการลดความสำคัญของตัวเองลง และคิดถึงคนที่เรารักมากขึ้นรักจึงทำให้โลกกว้างใหญ่และขยายหัวใจเราให้กว้างขึ้น

     เมื่อคิดถึงความสุขของคนที่เรารัก เราก็จะคิดถึงความสุขของตัวเองน้อยลง เมื่อคิดถึงตัวเองน้อยลง เราก็ทุกข์น้อยลง เพราะความทุกข์ส่วนใหญ่ล้วนมาจากการที่อะไรๆ ไม่ได้ดั่งใจตัวเอง

     ความรักทำให้รู้จักสละตัวตน รู้จักสุขเมื่อเห็นคนที่เรารักมีความสุข ทำให้ได้รู้ว่าความสุขไม่ได้เกิดขึ้นจากการที่ตัวเรามีความสุขเท่านั้น

     รักจริงไม่ทุกข์ รักที่ทุกข์คือรักไม่จริง
     เพราะรักที่ทุกข์นั้นแปลว่ายังคิดถึงตัวฉันมากกว่าตัวเธอ
     การพลัดพรากจากสิ่งที่เรารักนั้นอาจทำให้เกิดทุกข์ แต่อย่างน้อยเราก็สุขที่เคยได้รักกัน และระหว่างทางของความรักเส้นนั้นก็มีสิ่งที่คุ้มค่ากับความทุกข์ เมื่อพลัดพราก สิ่งนั้นคือการที่เราได้รู้จัก "รัก"
     ถึงอย่างนั้น ความรักก็มีหลายระยะหลายช่วงเวลา

     ช่วงแรก ก็เหมือนรักลวงตา ทำอะไรให้กันก็ถูกใจไปเสียทุกอย่าง

     ช่วงกลาง เป็นช่วงพิสูจน์รัก เป็นช่วงทำความรู้จักและเรียนรู้ความแตกต่างหากใครผ่านช่วงนี้ไปได้ก็จะเข้าสู่ช่วงท้ายๆ ของความรัก ช่วงทำความรู้จัก เรียนรู้ ยอมรับ และทำความเข้าใจจึงเป็นช่วงสำคัญ คนสองคนนั้นมากจากโลกคนละใบไม่มีใครคิดเหมือนกันไปซะทุกอย่าง หากทั้งสองฝ่ายอยากเรียนรู้โลกของกันและกัน แบ่งรับแบ่งสู้ รักก็จะงอกเงย โลกสองใบก็จะไหลรวมกัน แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายเข้ากันไม่ได้ โลกทั้งสองแตกต่างเกินความพยายาม แผนการรักก็คงต้องพับเก็บไป

     ช่วงสุดท้าย เป็นช่วงชื่นชมกับดอกผลของต้นรัก เมื่อรู้จัก เข้าใจ ประคับประคองดูแลจนโลกสองใบไหลเข้าหากันจนกลายเป็นใบเดียวแล้ว ที่เหลือก็คือการดูแลซึ่งกันและกัน ช่วยให้กำลังใจกัน เมื่อได้อยู่อาศัยบนโลกใบเดียวกันมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง คนสองคนซึ่งเคยต่างก็เขยิบเข้าใกล้ กลายเป็นคนที่คล้ายกันมากขึ้น ถึงจะไม่เหมือนกันซะทีเดียว แต่ก็มีส่วนเกี่ยวกันอยู่เยอะ

อ่านแล้วเป็นยังไงกันบ้างครับ ผมคิดว่าผมอยู่ช่วงสุดท้าย(ไม่รู้คิดคนเดียวหรือเปล่า อิอิ)

คุณล่ะคิดว่าอยู่ช่วงไหนกันเอ่ย

ความรักทำให้รู้จักสละตัวตน รู้จักสุขเมื่อเห็นคนที่เรารักมีความสุข ทำให้ได้รู้ว่าความสุข ไม่ได้เกิดขึ้นจากการที่ตัวเรามีความสุขเท่านั้น

9 สิงหาคม 2556

แบบนี้เลย เรียกว่าสุดยอด


ไปเจอที่เฟสบุกถูกใจมากๆ เลยเอามากฝาก

"Dobri Dobrev" อดีตทหารผ่านศึก อายุ 98 ปี
ผู้สูญเสียการได้ยินเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2

ทุกๆวัน เขาได้เดินเท้าจากหมู่บ้านของเข
เป็นระยะทาง 10 กิโลเมตร เข้ามาในเมือง
ด้วยรองเท้า เสื้อผ้าที่ตัดเย็บเอง
และใช้เวลาทั้งวัน เพื่อ "ขอทาน"

ต่อมา โบสถ์สำคัญที่สุดของเมือง
ค้นพบว่า ชายชราขอทานยากจนผู้นี้
เป็นผู้บริจาคเงินให้โบสถ์เพื่อซ่อมแซม และ
บริจาคเป็นค่าสาธารณุปโภค
ของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอีกด้วย
รวมเงินบริจาค มากกว่า 4 หมื่นยูโร

เงินที่เขาบริจาคนั้น ได้มาจากการขอทาน
ส่วนตัวเขานั้น ยังชีพอยู่ได้ด้วยเงินบำนาญ
ที่รัฐจ่ายให้ เดือนละ 80 ยูโรเท่านั้น..

ถ้าคุณคิดจะ "ให้" คุณไม่จำเป็นต้องร่ำรวยเสียก่อน
จึงจะให้ได้..
"ฐานะ" ไม่จำเป็นเลย ถ้าคุณคิดจะให้ผู้อื่น

ชายชราผู้นี้..คือ ผู้ร่ำรวย "ความสุข" ที่แท้จริง..

NatCha@ร้อย8-พัน9


อ่านแล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับผมพอได้อ่านบทความนี้แล้วผมรู้สึกว่าพอจะรู้แล้วว่าชีวิตเกิดมาเพื่ออะไร และนี่คือไอดอลของผม บอกตามตรงชอบมากๆ 

ชีวิตจะต้องการอะไรมากมาย ไม่ยึดติด มีความสุขในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่ดี
สักวันหนึ่งผมต้องมีจิตใจแบบลุงเขาให้ได้